“ผู้ใดที่ประกอบพิธีหัจญ์โดยที่เขางดการมีเพศสัมพันธ์ และไม่กระทำสิ่งชั่วช้าใดๆ เขาผู้นั้นจะกลับมาเสมือนวันที่มารดาของเขาได้คลอดเขาออกมา” เอาไหมฉันจะบอกแก่พวกเจ้าถึงสิ่งที่เป็นบาปใหญ่ที่สุดในบรรดาบาปใหญ่ทั้งหลาย? เมื่อคนๆ หนึ่งรักพี่น้องของเขา ก็จงบอกให้เขารู้ว่ารักเขา บาปใหญ่ คือ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ การเนรคุณต่อบิดามารดา การฆ่าชีวิตที่บริสุทธิ์และการสาบานเท็จ พวกเราได้ทำการสัตยาบันต่อท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่าจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามทั้งในยามทุกข์และในยามสุข ในสภาพที่เต็มใจและไม่เต็มใจ และอดทนต่อการถูกเลือกปฏิบัติ “ไม่มีการละหมาดเมื่ออาหารถูกเสิร์ฟ และในสภาพที่เขากำลังอดกลั้นสิ่งไม่ดีทั้งสอง(คือปัสสาวะและอุจจาระ) หากคุณกล่าวแก่เพื่อนของคุณว่า "จงเงียบ" ในวันศุกร์ ขณะที่อิหม่ามกำลังอ่านคุฏบะฮ์ แสดงว่าคุณได้ทำให้ผลบุญของการละหมาดวันศุกร์นั้นเป็นโมฆะ “ผู้ที่ดูแลหญิงม่ายและคนขัดสน เสมือนกับผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์หรือเหมือนผู้ที่ยืนละหมาดในตอนกลางคืน และผู้ที่ถือศีลอดในตอนกลางวัน” สิ่งที่เป็นธรรมชาติ 5 ประการคือ การขลิบ การโกนขนลับ การขลิบหนวด การตัดเล็บและการถอนขนรักแร้ ขอสาบานด้วยพระองค์ผู้ซึ่งชีวิตของมุฮัมหมัดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ จะไม่มีผู้ใดที่ได้ยินเกี่ยวกับฉันจากประชาชาตินี้ ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือคริสเตียน แล้วเสียชีวิตไปโดยไม่ได้ศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานมาให้แก่ฉัน เว้นแต่เขาจะเป็นคนหนึ่งจากชาวนรก พวกท่านจงเล็มหนวดและจงไว้เครา ผู้ใดอาบน้ำละหมาดอย่างฉัน แล้วละหมาด 2 ร็อกอะฮด้วยความบริสุทธิ์ใจ อัลลอฮ์จะอภัยโทษให้แก่เขาในบาปที่เขาได้กระทำมา อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งชาวยิวและชาวคริสต์ที่พวกเขายึดหลุมฝังศพของบรรดานบีของพวกเขาเป็นมัสยิด พวกเจ้าจงออกห่างจากเจ็ดสิ่งอันตรายที่จะนำมาซึ่งความพินาศ ً"โอ้อัลลอฮ์ได้โปรดอย่าทำให้สุสานของฉันเป็นที่บูชา ข้าคือผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในบรรดาผู้ที่ถือหุ้นส่วนทั้งหลาย บริสุทธิ์จากการมีหุ้นส่วน ใครก็ตามที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งในการกระทำนั้นเป็นการตั้งภาคีร่วมกับข้า ข้าจะละทิ้งเขา และสิ่งที่เป็นภาคีนั้น แท้จริงแล้ว ฉันได้แสดงความบริสุทธิ์ไปยังอัลลอฮ์ที่จะให้มีคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าเป็นเคาะลีล (ผู้เป็นที่รัก) สำหรับฉัน แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเลือกฉันเป็นเคาะลีลของพระองค์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเลือกอิบรอฮีมเป็นเคาะลีลของพระองค์ พวกเจ้าอย่าทำบ้านพวกเจ้าให้เป็นสุสาน และอย่าเอาสุสานของฉันเป็นเทศกาลชุมนุม และพวกเจ้าจงเศาะละวาต (ขอพรอันประเสริฐ) แก่ฉัน แท้จริง การเศาะละวาตของพวกเจ้าจะถึงไปยังฉัน ในทุกที่ที่พวกเจ้าอยู่ “แท้จริงอัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงหึงหวง และแท้จริงผู้ศรัทธาก็หึงหวง และความหึงหวงของอัลลอฮ์ ตะอาลา จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ศรัทธากระทำสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามเขา” ผู้ใดสาบานต่อสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์ แท้จริงเขาได้ปฏิเสธศาสนาหรือได้ตั้งภาคีแล้ว “แท้จริงการละหมาดที่เป็นภาระหนักที่สุดสำหรับผู้กลับกลอกคือการละหมาดอิชาอ์และละหมาดฟัจร์ และหากพวกเขารู้ถึงคุณค่าที่มีอยู่ในละหมาดทั้งสองเวลานั้น แน่นอนพวกเขาจะมาทำการละหมาดเวลาทั้งสองนั้น แม้ว่าจะต้องคลานมาก็ตาม “แท้จริง ในหมู่คนที่เลวร้ายที่สุดคือผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่วันอวสานโลกเกิดขึ้น และบรรดาผู้ที่ใช้สุสานเป็นมัสยิด” แท้จริง สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับพวกเจ้า คือ ภาคีเล็ก พวกเขาถามว่า "อะไรคือภาคีเล็กหรือโอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์? ท่านตอบว่า: การโอ้อวด แท้จริงเจ้านั้น จะต้องไปหากลุ่มชนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นชาวคัมภีร์ เมื่อไปถึงพวกเขา จงเรียกร้องเชิญชวนพวกเขา ให้ยอมรับในการกล่าวคำปฏิญาณว่า "ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ถูกเคารพโดยแท้จริงนอกจากอัลลอฮ์ และแท้จริงมุฮัมมัดเป็นเราะสูลของอัลลอฮ์ พวกเจ้าอย่าได้กล่าวยกย่องฉัน (จนเกินเลย) อย่างที่ชาวคริสเตียนได้ยกย่อง (อีซา) บุตรของนางมัรยัม เพราะแท้จริง ฉันคือบ่าวของอัลลอฮ์ ดังนั้น พวกท่านจงกล่าวว่า บ่าวของอัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์ มนุษย์ที่จะมีความสุขที่สุดจากการได้รับการช่วยเหลือของฉันในวันกิยามะฮ์นั้นคือ ผู้ที่กล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ” อัลลอฮ์จะทรงให้เขาได้เข้าสวรรค์ไม่ว่าเขาจะมีความดีกี่มากน้อยก็ตาม ผู้ใดที่ได้พบกับอัลลอฮ์ โดยที่เขาไม่ยึดสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระองค์ เขาจะได้เข้าสวรรค์ และผู้ใดที่ได้พบกับอัลลอฮ์ โดยที่เขาตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เขาจะตกนรก ใครก็ตามที่เสียชีวิตไปโดยเขาได้ขอต่อสิ่งอื่นจากอัลลอฮ์เพื่อเป็นภาคีเขาต้องตกนรกอย่างแน่นอน ผู้เคร่งครัดเกินขอบเขตในเรื่องศาสนา ได้พินาศย่อยยับแล้ว ผู้ใดที่ประกันตนว่าจะรักษาลิ้นและอวัยวะเพศของตนจากการละเมิดได้ ฉันจะรับประกันสวรรค์ให้แก่เขาเอง “จะมีบรรดาผู้นำในอนาคต พวกท่านรู้จักพวกเขาและพวกท่านปฏิเสธ (การฝ่าฝืนของพวกเขา) ผู้ใดที่รู้(และเกลียดชังการฝ่าฝืนของพวกเขา) เขาก็เป็นอิสระ (จากความรับผิดชอบของเขา) ผู้ใดปฏิเสธมัน เขาก็ปลอดภัย” และถ้าผู้ใดพอใจและปฏิบัติตามพวกเขา อัลลอฮ์จะไม่ทรงตอบรับการละหมาดของคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้า ในขณะที่เขามีหะดัษ จนกว่า เขาจะอาบน้ำละหมาด เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้เจ็บป่วยหรือเดินทาง จะมีการบันทึกผลบุญให้เเก่เขา เหมือนกับที่เขาเคยปฏิบัติการงานนั้นในตอนที่เขาไม่ได้เดินทางและมีสุขภาพดีอยู่ การรำลึกถึงอัลลอฮ์ที่ดีที่สุด คือ "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์" (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้นอกจากอัลลอฮ์) และการขอพรที่ดีที่สุด คือ "อัลหัมดุลิลลาฮ์" (การสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์) สวรรค์อยู่ใกล้กับคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นยิ่งกว่าสายเชือกรองเท้าของเขา และนรกก็อยู่ในสถานะเดียวกัน อัสสิวากนั้น เป็นที่ทำความสะอาดช่องปาก และเป็นที่พึงพอใจสำหรับผู้อภิบาล การละหมาดห้าเวลา และระหว่างวันศุกร์หนึ่งไปยังอีกวันศุกร์หนึ่ง และระหว่างเราะมะฎอนหนึ่งไปยังอีกเราะมะฎอนหนึ่ง จะลบล้างความผิดในช่วงระยะเวลาระหว่างนั้น หากว่าเขาออกห่างจากการทำบาปใหญ่ “จงเผยแผ่จากฉัน แม้จะเพียงหนึ่งอายะฮ์ก็ตาม และจงรายงานจากบนีอิสรออีลและไม่ต้องกังวลใดๆ และผู้ใดโกหกต่อฉันโดยเจตนาก็จงเตรียมที่นั่งของเขาไว้ในไฟนรกเถิด” “ไม่ว่าจะมีสิ่งใดประสบกับมุสลิมจากความเหนื่อยล้า ความเจ็บปวด ความกังวล ความโศกเศร้า ภัยอันตราย และความทุกข์ยาก แม้กระทั่งหนามที่ตำเขา นอกจากอัลลอฮ์จะทรงลบล้างบาปของเขาด้วยเหตุผลนั้น” นรกถูกห้อมล้อมด้วยอารมณ์ใฝ่ต่ำ และสวรรค์ถูกห้อมล้อมด้วยสิ่งที่อารมณ์ไม่ชอบ หน้าที่ของมุสลิมที่พึงมีต่อมุสลิมด้วยกันนั้น 5 ประการ คือ การตอบรับสลาม การเยี่ยมเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย การส่งศพไปยังหลุมฝังศพ การตอบรับคำเชิญ และการกล่าวดุอาอ์ให้แก่ผู้จาม อัลลอฮ์ทรงเมตตาแก่ผู้ที่ใจกว้างเมื่อเขาได้ขาย เมื่อเขาได้ซื้อ และเมื่อเขาได้ถูกทวงถามในสิทธิ์ ชายคนหนึ่งได้ให้ผู้อื่นกู้หนี้ยืมสิน แล้วกล่าวกับคนของเขาว่า หากมีคนที่ลำบากมา ก็จงยกโทษให้พวกเขาไป หวังว่าอัลลอฮ์จะทรงยกโทษพวกเรา ไม่นับว่าเป็นผู้ที่เชื่อมสัมพันธ์ สำหรับผู้ที่ถือปฏิบัติการเชื่อมสัมพันธ์เฉพาะผู้ที่เชื่อมต่อกับเขา แต่ผู้ที่ทำการเชื่อมสัมพันธ์ที่แท้จริงนั้นคือเมื่อมีการตัดการเชื่อมสัมพันธ์กับเขา เขาก็เชื่อมสัมพันธ์นั้น ผู้ใดที่ประวิงเวลาให้กับลูกหนี้ที่ขัดสนหรือยกหนี้ให้แก่เขา อัลลอฮ์จะทรงให้เขาอยู่ใต้ร่มเงาบัลลังก์ของพระองค์ในวันฟื้นคืนชีพ ซึ่งเป็นวันที่ไม่มีร่มเงาใดนอกจากร่มเงาของพระองค์” ผู้ใดที่ถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอนด้วยความศรัทธามั่นและหวังในผลบุญ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปของเขาที่ผ่านมา “ผู้ใดที่ลุกขึ้น(ละหมาดและประกอบอิบาดะฮ์)ในคืนลัยละตุลก็อดร์ ด้วยความศรัทธามั่นและหวังในผลบุญ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปของเขาที่ผ่านมา ผู้ใดที่อัลลอฮ์ประสงค์ให้เขาได้รับความดี พระองค์ก็จะทรงทดสอบเขา จงปล่อยฉันกับสิ่งที่ฉันทิ้งไว้ให้แก่พวกเจ้า! แท้จริงแล้ว ผู้คนที่มาก่อนพวกเจ้าได้ประสบกับความหายนะเนื่องจากคำถามและการโต้เถียงกับศาสนทูตของพวกเขา “เมื่อมุสลิมสองคนต่อสู้กันเองด้วยดาบของทั้งสอง ดังนั้นทั้งผู้ที่ฆ่าและผู้ที่ถูกฆ่าจะถูกลงโทษในนรก ศาสนาคือการตักเตือน แท้จริงสิ่งที่อนุมัติ (หะลาล) นั้นชัดเจนและสิ่งที่ต้องห้าม แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงบัญญัติให้กระทำความดีต่อทุก ๆ สิ่ง อัลลอฮ์ได้ทรงบันทึกความดีและความชั่ว แล้วพระองค์ได้ทรงอธิบายสิ่งดังกล่าว ดังนั้นผู้ใดที่ตั้งใจจะทำความดี แต่ไม่ได้ลงมือทำความดีนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นหนึ่งความดีเต็มๆ และหากเขาตั้งใจจะทำความดี แล้วได้ลงมือทำความดีนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นความดีสิบเท่าถึงเจ็ดร้อยเท่า หรืออีกหลายๆ เท่า และผู้ใดที่ตั้งใจจะทำความชั่ว แต่ไม่ได้ลงมือทำความชั่วนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้ที่พระองค์เป็นหนึ่งความดีเต็มๆ และหากเขาตั้งใจจะทำความชั่ว แล้วได้ลงมือทำความชั่วนั้น อัลลอฮ์จะทรงบันทึกมันไว้เป็นหนึ่งความชั่ว แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงมองที่รูปร่างหน้าตาหรือความมั่งคั่งของพวกเจ้า แต่พระองค์จะทรงมองที่จิตใจและการกระทำของพวกเจ้า แท้จริงการกระทำทั้งหลายนั้นขึ้นอยู่กับเจตนา และแท้จริงสำหรับทุกคนนั้นย่อมได้รับการตอบแทนตามที่เขาได้ตั้งเจตนาไว้ อิสลาม คือ การที่ท่านกล่าวคำปฏิญานว่า “ลา อิลาฮะ อิลลัลลอฮ์ วะอันนะ มุหัมมะดัน เราะซูลุลลอฮ์” (แปลว่า ไม่มีพระเจ้าที่แท้จริง –ที่สมควรแก่การเคารพสักการะ- นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และมุหัมมัด คือ ศาสนฑูตของพระองค์) ดำรงการละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอดในเดือนเราะมาฎอน และประกอบพิธีหัจญ์หากท่านมีความสามารถ อย่าโกรธ อย่าได้ทำอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น ผู้ใดทำอันตราย อัลลอฮ์จะทรงทำอันตรายต่อเขา และผู้ใดสร้างความลำบาก อัลลอฮ์จะสร้างความลำบากแก่เขา “หากพวกเจ้ามอบหมายต่ออัลลอฮ์อย่างแท้จริง แน่นอน พระองค์จะทรงประทานปัจจัยยังชีพให้พวกเจ้า เหมือนที่พระองค์ทรงประทานให้กับนก โดยที่มันบินออกไปในตอนเช้าในสภาพที่ท้องว่างและกลับมาในตอนเย็นในสภาพที่ท้องอิ่ม” “ผู้ใดสร้างสิ่งที่ไม่มีในคำสอนของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในนั้น สิ่งนั้นจะถูกปฏิเสธ โอ้ บ่าวของข้าทั้งหลาย แท้จริงข้าได้ทำให้การอธรรมเป็นที่ต้องห้ามแก่ตัวข้าเอง และข้าได้ทำให้มันเป็นที่ต้องห้ามระหว่างพวกเจ้าด้วย ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าได้อธรรมต่อกัน โอ้เด็กน้อยเอ๋ย ฉันจะสอนบางคำให้แก่เจ้า คือ เจ้าจงปกป้องอัลลอฮ์ แล้วอัลลอฮ์จะปกป้องเจ้า จงปกป้องอัลลอฮ์ แล้วเจ้าจะพบว่า พระองค์นั้นอยู่ต่อหน้าเจ้า เมื่อเจ้าจะขอก็จงขอต่ออัลลอฮ์ เมื่อเจ้าจะขอความช่วยเหลือ ก็จงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์ เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้ทำบาปอย่างหนึ่ง แล้วเขากล่าวว่า โอ้อัลลอฮ์ ขอพระองค์โปรดอภัยโทษต่อความผิดของฉันด้วยเถิด “แท้จริงบรรดาผู้ที่เที่ยงธรรม ณ ที่อัลลอฮ์นั้น พวกเขาจะอยู่บนมิมบัรที่ทำจากรัศมี ซึ่งจะอยู่ทางพระหัตถ์ด้านขวาของพระองค์ ผู้ทรงสูงส่ง และพระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ทรงมีความดีงาม “ผู้ที่ขาดซึ่งความอ่อนโยน จะถูกพรากจากความดี” “ประชาชาติของฉันทุกคนจะได้เข้าสวรรค์ ยกเว้นผู้ที่ปฏิเสธ “มลาอิกะฮ์ญิบรีลสั่งเสียฉันอย่างต่อเนื่องให้ปฏิบัติดีต่อเพื่อนบ้าน จนฉันคิดว่า เขาจะได้รับมรดกของเพื่อนบ้านเขาด้วย” “แท้จริงการเสกเป่า เครื่องรางของขลังต่าง ๆ และเครื่องของเสน่ห์ต่าง ๆ นั้น เป็นการตั้งภาคี “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า การนินทาคืออะไร?” พวกเขา (บรรดาเศาะฮาบะฮ์) กล่าวว่า “อัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์รู้ดีที่สุด” ท่านกล่าวว่า “คือ การที่เจ้ากล่าวถึงพี่น้องของเจ้าในสิ่งที่เขาไม่ชอบ “โอ้อัลลอฮ์ ใครก็ตามที่ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจดูแลกิจการของประชาชาติของฉัน แล้วสร้างความยากลำบากให้กับพวกเขา ขอพระองค์จงสร้างความยากลำบากให้กับเขา และใครก็ตามที่ได้รับมอบหมายให้มีอำนาจดูแลกิจการของประชาชาติของฉัน แล้วได้ปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความอ่อนโยน ขอพระองค์จงมีความอ่อนโยนต่อเขา” “แท้จริงมีคนจำนวนมากที่ใช้ทรัพย์สมบัติของอัลลอฮ์ในทางที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นสำหรับพวกเขาคือไฟนรกในวันกิยามะฮ์” จงห่างไกลจากการสงสัย เพราะแท้จริงแล้ว การสงสัยเป็นคำพูดที่โกหกที่สุด “ไม่มีบ่าวคนใดที่อัลลอฮ์ทรงให้เขามีหน้าที่ปกครองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แล้วในวันที่เขาเสียชีวิตนั้น เขาเสียชีวิตในสภาพที่เขาทุจริตต่อผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา เว้นแต่อัลลอฮ์จะทรงห้ามสวรรค์สำหรับเขา” ทุก ๆ ความดีคือการเศาะดะเกาะฮ์ (การบริจาคทาน) “เจ้าอย่าได้ด้อยค่าความดีใดๆ แม้ว่าเจ้าจะพบปะกับพี่น้องของเจ้าด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มก็ตาม” “ผู้ที่แข็งแกร่งไม่ใช่ด้วยการล้มผู้อื่น แต่ผู้ที่แข็แกร่งที่แท้จริงคือผู้ที่ควบคุมตัวเองได้ในยามโกรธ” ผู้ใดที่เลียนแบบกลุ่มชนใด ดังนั้นเขาก็จะเป็นหนึ่งในกลุ่มชนนั้น ผู้ใดที่ชี้แนะสู่ความดี ดังนั้น เขาก็จะได้รับผลบุญเช่นเดียวกับผู้กระทำความดีนั้นด้วย ฉันถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า บาปใดที่ใหญ่หลวงที่สุด ณ อัลลอฮ์? ท่านกล่าวว่า “การที่เจ้ากำหนดสิ่งอื่นมาเทียบเท่าอัลลอฮ์ทั้งที่พระองค์ทรงสร้างเจ้ามา “พวกเจ้าอย่าได้ด่าทอคนที่เสียชีวิตไปแล้ว เพราะพวกเขาได้ไปถึงสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้แล้ว ไม่อนุมัติให้ชายคนหนึ่งตัดสัมพันธ์กับพี่น้องของเขาเกินสามคืน โดยที่ทั้งสองนั้นเจอกัน แล้วต่างคนต่างหนีหน้ากัน และผู้ที่ประเสริฐกว่าในสองคนนั้นคือผู้ที่เริ่มให้สลามก่อน ผู้ที่ตัดสัมพันธ์กับเครือญาติเขาจะไม่ได้เข้าสวรรค์ ผู้ที่ทำการนินทาเขาจะไม่ได้เข้าสวนสวรรค์ “ผู้ใดที่อยากให้ปัจจัยยังชีพของเขาเพิ่มพูนและอายุขัยของเขายืนยาว ดังนั้น เขาจงรักษาสายสัมพันธ์ทางเครือญาติไว้” ผู้ใดที่ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย อัลลอฮ์จะทำให้เขาได้รับอันตรายเช่นกัน และผู้ใดที่สร้างความลำบากแก่ผู้อื่น อัลลอฮ์จะทำให้เขาได้รับความลำบากเช่นกัน “บ่าวคนหนึ่งจะอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้อภิบาลของเขามากที่สุด คือขณะที่เขาสุญุด ดังนั้นจงขอดุอาอ์ให้มากเถิด” “ผู้ใดที่ละหมาดศุบห์เขาจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอัลลอฮ์ ผู้ใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันอาคิเราะฮ์ เขาก็จงพูดแต่ในสิ่งที่ดีหรือไม่ก็นิ่งเงียบเสีย “ผู้ใดที่ไม่เมตตาผู้คน อัลลอฮ์ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่เมตตาเขา” “แท้จริงบุคคลที่อัลลอฮ์ทรงกริ้วที่สุดคือ ผู้ที่ชอบโต้เถียงกันอย่างรุนแรง” “ถ้อยคำอันเป็นที่รักยิ่งสำหรับอัลลอฮ์มีสี่ถ้อยคำ คือ ซุบหานัลลอฮ์ (มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์) วัลหัมดุลิลลาฮ์ (การสรรเสริญเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮ์) วะลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์แต่เพียงพระองค์เดียว) วัลลอฮุอักบัร (อัลลอฮ์ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด) ซึ่งจะไม่มีปัญหาใด ๆ ที่เจ้าจะเริ่มกล่าวถ้อยคำใดก่อน” ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ถูกถามถึงสิ่งที่ทำให้ผู้คนได้เข้าสวรรค์มากที่สุดคืออะไร ท่านตอบว่า "การยำเกรงต่ออัลลอฮ์ และการมีมารยาทที่ดี ความละอายเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา การขอดุอาอ์คืออิบาดะฮ์ จำเป็นแก่พวกเจ้าที่จะต้องมีความสัตย์จริง เพราะว่าความสัตย์จริงจะนำไปสู่สิ่งที่ดี และความดีจะนำไปสู่สวรรค์ สองถ้อยคำที่เบาสำหรับลิ้นแต่หนักบนตาชั่ง ทั้งยังเป็นที่รักยิ่งแด่อัร-เราะห์มาน ไม่มีสิ่งใดที่มีเกียรติยิ่งสำหรับอัลลอฮ์มากกว่าการขอดุอาอ์ การบริจาคทานนั้นมิได้ทำให้ทรัพย์สินลดน้อยลง และอัลลอฮ์จะไม่ทรงเพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่บ่าวคนหนึ่งที่ให้อภัยต่อผู้อื่น นอกจากเกียรติยศ และจะไม่มีผู้ใดที่นอบน้อมถ่อมตนต่ออัลลอฮ์ นอกจากอัลลอฮ์จะทรงยกเขา “ ผู้ใดที่ปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรีของพี่น้องของเขา แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงปกป้องใบหน้าของเขาจากไฟนรกในวันกิยามะฮ์” ผู้ใดที่กล่าว :"ซุบฮานัลลอฮิวะบิฮัมดิฮ์"(มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์ และด้วยการสรรเสริญแด่พระองค์) ในหนึ่งวันจำนวนหนึ่งร้อยครั้ง ความผิดต่างๆ ของเขาจะถูกทำให้ร่วงหล่นลงไปแม้มันจะมากมายเช่นฟองน้ำในทะเลก็ตาม ความว่า "ผู้ใดที่กล่าวว่า ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะห์ดะฮุ ลาชะรีกะละฮฺ, ละฮุลมุลกุ วะละฮุลหัมด์, วะฮุวะ อะลา กุลลิชัยอิน กอดีร (ความว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ สำหรับพระองค์คืออำนาจการครอบครองและมวลการสรรเสริญ และพระองค์ทรงมีเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง) จำนวนสิบครั้ง ความว่า “บุคคลใดที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะให้เกิดความดีแก่เขา อัลลอฮฺจะทรงให้เขาเข้าใจในศาสนา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักบ่าวที่เป็นผู้มีความยำเกรง ผู้มีความพอเพียง ผู้ที่ซ่อนปิดบังตัวเอง แท้จริง พวกเจ้าจะเห็นพระเจ้าของพวกเจ้าเหมือนที่พวกเจ้าเห็นดวงจันทร์ดวงนี้ ซึ่งไม่มีความลำบากใดๆ กับพวกเจ้าในการมองเห็นพระองค์ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะไม่ส่งคืน (ปฏิเสธ) น้ำหอม บรรดาผู้ศรัทธาที่มีอีหม่านสมบูรณ์ที่สุด คือผู้ที่มีมารยาทที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาและคนที่ดีที่สุดในหมู่พวกเจ้า คือผู้ที่ปฏิบัติอย่างดีที่สุด ต่อบรรดาสตรีของเขา โลกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ให้ความสุข และสิ่งที่ให้ความสุขที่ดีที่สุดในโลกนี้ คือผู้หญิงที่ดี แท้จริงความอ่อนโยนจะไม่ปรากฏอยู่ในสิ่งใด เว้นแต่จะทำให้สิ่งนั้นงดงามขึ้น และจะไม่ถูกดึงออกจากสิ่งใด เว้นแต่จะทำให้สิ่งนั้นมีตำหนิ “แท้จริงอัลลอฮฺ ย่อมพอพระทัยกับบ่าว เมื่อเขากินครั้งหนึ่ง ก็สรรเสริญพระองค์ที่ให้มันมา หรือดื่มน้ำครั้งหนึ่ง ก็สรรเสริญพระองค์ที่ให้มันมา” “แท้จริงมุอ์มินที่มีคุณลักษณะนิสัยที่ดีนั้นย่อมบรรลุถึงระดับขั้นของผู้ที่ถือศีลอดและลุกขึ้นทำอิบาดะฮฺในยามค่ำคืนอย่างแน่นอน” แท้จริง ผู้ที่ดีที่สุดในหมู่สูเจ้า คือ ผู้ที่มีอุปนิสัยดีที่สุด” อัลลอฮฺ ตะอาลาตรัสว่า:"โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงใช้จ่ายในหนทางของฉันเถิด แท้จริงฉันเป็นผู้ให้ปัจจัยยังชีพแก่เจ้า แท้จริงอัลลอฮ์จะประวิงเวลาให้กับผู้ที่อธรรม จนเมื่อพระองค์จัดการกับเขา พระองค์จะไม่ให้เขาเล็ดลอดไปได้ ฉันไม่ทิ้งสิ่งใดหลังจากฉัน (เสียชีวิตไปแล้ว) ที่เป็นอันตรายต่อผู้ชายมากไปกว่าผู้หญิง “จงทำให้เป็นเรื่องง่าย และอย่าทำให้เป็นเรื่องยาก และจงแจ้งข่าวดีแก่ผู้คน และอย่าทำให้คนต้องปลีกตัวออกห่าง” “พวกท่านจงทวน(เอาใจใส่)กับอัลกุรอานให้มาก ขอสาบานด้วยอัลลอฮฺผู้ซึ่งชีวิตของมุหัมหมัดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ อัลกุรอานนั้นเปรียวยิ่งกว่าอูฐที่ถูกผูกไว้เสียอีก” ผู้ที่ประเสริฐที่สุดในหมู่พวกท่าน คือผู้ที่เรียนอัลกุรอานและสอนมัน “ผู้ใดที่หยุดพัก ณ ที่ใดที่หนึ่ง แล้วเขากล่าวว่า أَعُوذُ بِكَلِمَاتِ اللَّهِ التَّامَّاتِ مِنْ شَرِّ مَا خَلَقَ (ความว่า ฉันขอความคุ้มครองด้วยถ้อยคำแห่งอัลลอฮฺที่สมบูรณ์จากความชั่วร้ายที่พระองค์สร้างขึ้น) เขาย่อมจะไม่ได้รับอันตรายจากสิ่งใดๆ จนกระทั่งเขาย้ายออกไปจากที่แห่งนั้น” ฉันจะส่งท่านไปทำหน้าที่ ที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัมเคยส่งฉันไป จะเอาไหม? คือการที่ท่านอย่าได้ปล่อยให้มีรูปปั้นแม้แต่รูปเดียว นอกจากท่านจะต้องทำลายมันทิ้ง และอย่าปล่อยให้หลุมฝังศพที่มันดูสูงโดดเด่นแม้แต่หลุมเดียว นอกจากท่านจะทำให้มันเรียบกับพื้นดิน คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าจะยังไม่เป็นบุคคลที่มีการศรัทธาที่สมบูรณ์ จนกว่าฉันจะเป็นที่รักยิ่งสำหรับเขา มากกว่าบิดาของเขา ลูกของเขา และมนุษย์ทั้งหมด ไม่ใช่พวกเรา ผู้ซึ่งกระทำตะฏ็อยยุร(การเชื่อในเรื่องลางบอกเหตุต่างๆ) หรือให้ผู้อื่นทำตะฏ็อยยุรให้เขา หรือผู้ที่ทำนายอนาคต หรือให้ผู้อื่นทำนายให้เขา หรือผู้ที่ทำไสยศาสตร์ หรือไปหานักไสยศาสตร์ให้ทำให้เขา ผู้ใดไปหาหมอดู แล้วถามเขาถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การละหมาดของเขาจะไม่ได้รับการตอบรับเป็นเวลาสี่สิบคืน ผู้ใดที่รับความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์สาขาใดสาขาหนึ่ง แท้จริงแล้วเขาได้เรียนสาขาหนึ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์แล้ว ซึ่งหากเขาได้เรียนรู้สาขานั้นมากเท่าไร เรื่องไสยศาสตร์ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เงื่อนไขที่คุณต้องยึดปฏิบัติมากที่สุด คือสิ่งที่ทำให้การมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นที่อนุมัติ บาปที่ใหญ่ที่สุด คือ การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ความรู้สึกปลอดภัยจากอุบาย(การลงโทษ)ของอัลลอฮฺ การสิ้นหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ และการเบื่อหน่ายต่อความเมตตาของอัลลอฮฺ ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮ์วะสัลลัม คือบุคคลที่มีมารยาทที่ดีที่สุด ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะกล่าวประโยคนี้ทุกครั้งหลังการละหมาด “พวกท่านจงอย่าทำให้บ้านของพวกท่านเป็นดั่งสุสาน แท้จริงชัยฏอนจะหนีออกจากบ้านที่มีการอ่านซูเราะฮ์ อัล-บะเกาะเราะฮ์” การที่ฉันกล่าว: "سُبْحَانَ اللهِ، وَالْحَمْدُ لِلهِ، وَلَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ، وَاللهُ أَكْبَرُ" (มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ การสรรเสริญทั้งหลายเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพสักการะอย่างแท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ อัลลอฮ์ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด) นั้นย่อมเป็นที่รักยิ่งสำหรับฉันมากกว่าทุกสิ่งที่ดวงอาทิตย์ได้ขึ้นมาเหนือมัน ไม่มีวันใดๆ ที่การงานที่ดีจะเป็นที่ชื่นชอบที่สุดสำหรับอัลลอฮฺมากกว่าในวันเหล่านี้ (หมายถึงสิบวันแรกของเดือนซุลหิจญะฮ์ ผู้ใดทิ้งละหมาดอัศร์ แน่นอนการงานของเขาก็จะเป็นโมฆะ ผู้ใดที่อาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์ ความผิดต่างๆ ของเขาจะหลุดออกไปจากร่างกายของเขา จะหลุดออกจนกระทั่งจากใต้เล็บของเขา ผู้ใดอ่านสองโองการสุดท้ายของสูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺในตอนกลางคืน เป็นที่เพียงพอแล้วสำหรับเขา “ผู้ใดที่อ่านหนึ่งตัวอักษรจากคัมภีร์ของอัลลอฮฺ(อัลกุรอาน)เขาจะได้รับหนึ่งความดี และหนึ่งความดีนั้นจะเพิ่มทวีคูณเป็นสิบเท่า เมื่อชายคนหนึ่งใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวของเขาเพื่อหวังในผลบุญ ดังนั้นการกระทำของเขานั้นถือเป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง “ การศรัทธานั้นมีเจ็ดสิบ หรือหกสิบกว่าแขนง ที่ประเสริฐสุดคือการกล่าวคำว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลลอฮฺ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพสักการะที่แท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ) และที่ต่ำสุดของการศรัทธาคือ การขจัดสิ่งอันตรายออกจากทางสัญจร เพื่อสั่งให้พวกเขาอย่าทำการแขวนสิ่งใดๆ ที่คอของอูฐ ไม่ว่าจะเป็นสายธนู หรือสิ่งอื่นใด เว้นแต่จะต้องถูกตัดทิ้ง ผู้ใดที่แขวนสิ่งๆหนึ่ง (โดยหวังว่าสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์หรือสามารถป้องกันตัวเองได้) ดังนั้นอัลลอฮฺจะทำให้คนๆ นั้นต้องพึ่งพาสิ่งนั้นตลอด ใครที่กล่าว "ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ" ความว่า (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพสักการะอย่างแท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ) และปฏิเสธทุกสิ่งที่ถูกสักการะอื่นจากอัลลอฮฺ ทรัพย์สินและเลือดเนื้อของเขาจะเป็นที่ต้องห้าม และการคิดบัญชีที่มีต่อเขานั้นเป็นหน้าที่ของอัลลอฮฺ แท้จริงมารยาทของท่านนบี ศ็อลลัลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมนั้นก็คืออัลกุรอาน “บรรดาผู้มีความเมตตาจะได้รับความเมตตาจากพระผู้ทรงเมตตา จงเมตตาต่อผู้ที่อยู่ในแผ่นดิน ผู้ที่อยู่บนท้องฟ้าจะเมตตาพวกเจ้า “อัลลอฮ์ ตะอะลา ตรัสแก่ชาวนรกที่ถูกลงโทษอย่างเบาสุดในวันกิยามะฮ์ว่า หากว่าเจ้ามีสิ่งใดในแผ่นดิน เจ้าจะเอามันมาไถ่ตัวหรือไม่? เขาตอบว่า ไถ่ครับ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะรำลึกถึงอัลลอฮ์ในทุกๆ เวลาหรือทุกๆ กิจกรรมของท่าน ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ห้ามการตัดผมบางส่วนและให้เหลือไว้บางส่วน คำพูดที่เป็นเรื่องจริงนั้นเป็นคำที่ญินไปแอบฟังมา แล้วกระซิบใส่หูของผู้ทำนายของเขาด้วยเสียงที่คล้ายกับเสียงไก่ขัน จากนั้นพวกมันก็เพิ่มคำโกหกมากกว่าร้อยข้อเข้าไป ครั้งหนึ่งพวกเราอยู่กับท่านอุมัร แล้วท่านกล่าวว่า "พวกเราถูกห้ามจากการเสแสร้ง พวกท่านทั้งหลายจงทำความสะอาดให้ดีหลังจากปัสสาวะ เพราะแท้จริงการลงโทษทั่วๆ ไปในหลุมฝังศพนั้นเกิดจากมัน ไม่มีบ่าวคนใดที่กล่าวคำปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และมุหัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺด้วยความเชื่อมั่นในใจของเขา เว้นแต่อัลลอฮฺจะทำให้เขาเป็นที่ต้องห้ามสำหรับนรก พระผู้อภิบาลของเรา จะเสด็จลงมาสู่ชั้นฟ้าดุนยา ในช่วงเวลา หนึ่งส่วนสามสุดท้ายของกลางคืน พวกท่านอย่าได้นั่งบนหลุมฝังศพ และอย่าได้ละหมาดด้วยการหันไปทางมัน พวกเขาคือกลุ่มชนที่หากในหมู่พวกเขามีบ่าวที่ศอลิห์หรือคนศอลิห์เสียชีวิต พวกเขาก็จะสร้างมัสยิดบนหลุมศพของเขา “ฉันได้รับบัญชาให้สุญูดบนกระดูกเจ็ดชิ้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม จะกล่าวในระหว่างสองสุญูดว่า "อัลลอฮุมมัฆฟิรลี วัรฮัมนี วะอาฟินี วะฮ์ดินี วัรซุกนี" ความว่า "โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่ฉัน ทรงเมตตาต่อฉัน ทรงทำให้ฉันมีสุขภาพแข็งแรง ทรงให้ทางนำแก่ฉัน และทรงโปรดประทานปัจจัยยังชีพให้แก่ฉันด้วยเถิด اللهم أنت السلام ومنك السلام، تباركت يا ذا الجلال والإكرام” ความว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของข้า พระองค์คือผู้ทรงเปี่ยมด้วยสันติ จากพระองค์นั้นคือที่มาของสันติ ความจำเริญยิ่งแด่พระองค์ โอ้ผู้เปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่และเกียรติยศ “เจ้าจงละหมาดในสภาพที่ยืน หากไม่สามารถยืนได้ก็ให้นั่ง หากไม่สามารถนั่งได้ก็ให้นอนตะแคง” ท่านได้ยินเสียงอะซานเรียกมาละหมาดหรือไม่?” ชายคนนั้นตอบว่า ใช่ ได้ยิน ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็กล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านจำเป็นต้องตอบรับเสียงอะซาน” เมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้ามาละหมาด แล้วเห็นอีหม่ามกำลังอยู่ในอิริยาบถใด ก็ให้เขาทำอิริยาบทตามที่อีหม่ามกำลังทำอยู่ ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้สอนสำนวนการคุฏบะฮ์ฮาญะฮ์ ไม่มีการแต่งงาน นอกจากด้วยผู้ปกครอง โอ้เด็กน้อยเอ๋ย จงกล่าวพระนามของอัลลอฮ์ จงกินด้วยมือขวา และจงกินจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว “เมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่าน จะรับประทาน จงรับประทานด้วยมือขวาของเขาเถิด และเมื่อเขาจะดื่ม ก็จงดื่มด้วยมือขวาของเขาเถิด เพราะแท้จริงชัยฏอน จะกินด้วยมือซ้าย และดื่มด้วยมือซ้าย “ใครก็ตามที่ละทิ้งการเชื่อฟังและแยกตัวออกจากกลุ่มมุสลิม และจากนั้นเขาก็ตาย การตายของเขานั้นคือเหมือนการตายของคนในยุคก่อนอิสลาม ใครก็ตามที่มาหาพวกเจ้า ในขณะที่พวกเจ้ามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยการอยู่ภายใต้ผู้นำคนเดียว ซึ่งเขาผู้นั้นต้องการทำลายความเข้มแข็งของพวกเจ้าหรือมาทำให้ญะมาอะฮ์ของพวกเจ้าเกิดความแตกแยก ดังนั้น พวกเจ้าจงฆ่าเขาเสีย ผู้ใดที่ฆ่าผู้ปฏิเสธศรัทธาที่อยู่ในฐานะผู้มีพันธสัญญา (มุอาฮัด) เขาจะไม่ได้สัมผัสความหอมของสวรรค์ และแท้จริงความหอมของสวรรค์นั้น จะแผ่กระจายถึงระยะทาง 40 ปีของการเดินทาง ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้สาปแช่งผู้ที่ให้สินบน และผู้ที่รับมันในการตัดสินคดี “อิสลามถูกสร้างขึ้นบนหลักห้าประการ ใครก็ตามในหมู่พวกท่านที่พบเห็นความชั่วอันใดอันหนึ่ง เขาก็จงเปลี่ยนแปลงมันด้วยมือของเขา หากเขาไม่มีความสามารถก็จงเปลี่ยนแปลงด้วยลิ้น (ด้วยคำพูดหรือการตักเตือน) ของเขา หากเขาไม่มีความสามารถก็จงเปลี่ยนแปลงด้วยใจ (ปฏิเสธด้วยใจ) ของเขา และนั่นคือการศรัทธาที่อ่อนแอที่สุด ผู้ใดกระทำความดีในยุคสมัยอิสลาม เขาจะไม่ถูกลงโทษสำหรับการกระทำของเขาในยุคสมัยก่อนอิสลาม หากแต่ผู้ใดกระทำความชั่วในยุคสมัยอิสลาม เขาจะถูกลงโทษทั้งการกระทำในยุคสมัยก่อนอิสลามและยุคสมัยหลังอิสลาม ท่านมีความเห็นอย่างไร หากฉันได้ทำการละหมาดตามที่ถูกบัญญัติไว้ ฉันถือศีลอดในเดือนเราะมะฎอน และสิ่งที่อนุมัติฉันก็ยึดถือ และสิ่งที่ต้องห้ามฉันก็ยึดถือ ความสะอาดเป็นครึ่งหนึ่งของการศรัทธา และการกล่าว "อัลหัมดุลิลลาฮ์" ผลบุญของมันจะเต็มตาชั่งในวันกิยามะฮ์ การกล่าวว่า "สุบหานัลลอฮ์และ อัลหัมดุลิลลาฮ์" ผลบุญของทั้งสองประโยคหรือผลบุญของแต่ละประโยคนั้นจะเต็มระหว่างบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดิน พึงทราบเถิด แท้จริง! ในไม่ช้า หะดีษจากฉันจะถูกส่งไปยังชายคนหนึ่ง ในขณะที่เขาเอนกายอยู่บนโซฟาของเขา และเขากล่าวว่า: "ระหว่างพวกเราและพวกเจ้าคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์ หายนะแห่งนรก จะประสบกับส้นเท้า จงอาบน้ำละหมาดให้สมบูรณ์เถิด แท้จริงสิทธิที่อัลลอฮ์ต้องได้รับจากบ่าว คือการเคารพสักการะต่อพระองค์เพียงผู้เดียว และไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ และสิทธิที่บ่าวจะได้รับจากอัลลอฮ์ก็คือการที่พระองค์ไม่ลงโทษผู้ที่ไม่ตั้งภาคีต่อพระองค์ด้วยสิ่งใดๆ ผู้ใดเสียชีวิตโดยที่เขาไม่ได้ตั้งภาคีใดๆ ต่ออัลลอฮ์ เขาจะได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน และผู้ใดเสียชีวิตโดยที่เขาได้ตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เขาจะได้เข้านรกอย่างแน่นอน ได้โปรดบอกถ้อยคำหนึ่งให้แก่ฉันที่เกี่ยวกับอิสลามที่เป็นถ้อยคำที่ฉันไม่ต้องถามผู้อื่นนอกจากท่านด้วยเถิด” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงกล่าวว่า: “ท่านจงกล่าวเถิดว่า ฉันได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้ว หลังจากนั้นก็จงยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ “แท้จริง อัลลอฮ์จะทรงเรียกชายคนหนึ่งจากประชาชาติของฉันออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายในวันกิยามะฮ์ หลังจากอัลลอฮ์สร้างสวรรค์และนรก พระองค์ได้ส่งมลาอิกะฮ์ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม อัลลอฮ์ได้ทรงบันทึกกำหนดการต่างๆ ของทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้างไว้แล้ว ก่อนที่พระองค์จะทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินถึงห้าหมื่นปี พวกเจ้าจงยำเกรงต่ออัลลอฮ์ จงฟังและปฏิบัติตาม แม้ทาสจากชาวเอธิโอเปียเป็นผู้นำพวกเจ้าก็ตาม และหลังจากฉัน พวกเจ้าจะได้เห็นความขัดแย้งอย่างรุนแรง ดังนั้นพวกเจ้าจงปฏิบัติตามซุนนะฮ์ของฉันและซุนนะฮ์ของบรรดาคอลีฟะฮ์ผู้ทรงธรรม “เมื่อมุอัซซิน (ผู้ประกาศเมื่อถึงเวลาละหมาด) กล่าวว่า "อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร"(อัลลอฮ์ผู้ยิ่งใหญ่) ดังนั้นคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าก็กล่าวตามว่า "อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร ผู้ใดที่ลืมละหมาดใดละหมาดหนึ่ง ดังนั้นเขาจงละหมาดเมื่อนึกขึ้นได้ ไม่มีการลบล้างบาปสำหรับการทิ้งละหมาดนอกจากด้วยการละหมาด แท้จริงสิ่งที่ทำให้บุคคลหนึ่งเข้าสู่การตั้งภาคีและการปฏิเสธศรัทธานั้นคือการละทิ้งละหมาด แท้จริงพันธสัญญาระหว่างเรากับพวกเขาคือการละหมาด ดังนั้นใครก็ตามที่ละทิ้งมัน แท้จริงเขาได้ปฏิเสธศรัทธา “อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า: ฉันได้แบ่งการละหมาดระหว่างฉันและบ่าวของฉันออกเป็นสองส่วน และบ่าวของฉันจะได้รับตามที่เขาขอ โอ้ อับบาส โอ้ ลุงของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ โปรดขอความผาสุกจากพระเจ้าทั้งในโลกนี้และโลกหน้า “แท้จริงแล้วอัลลอฮ์ทรงห้ามไม่ให้พวกเจ้าทำการสาบานต่อบรรพบุรุษของพวกเจ้า ในการทำสงครามของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ครั้งหนึ่งนั้นได้พบผู้หญิงคนหนึ่งถูกสังหาร ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจึงประณามการฆ่าผู้หญิงและเด็ก ห้ามการนะซัร คือ โดยท่านกล่าวว่า “มันไม่ได้นำมาซึ่งความดี แต่มันจะถูกดึงออกมาใช้จากคนตระหนี่” ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ - หากพระเจ้าทรงประสงค์” - ฉันจะไม่สาบาน และฉันคิดว่ามีสิ่งอื่นดีกว่านั้น เว้นแต่ฉันจะชดใช้คำสาบานของฉัน และฉันจะนำมาในสิ่งที่ดีกว่านั้น” “สิ่งแรกที่จะถูกตัดสินในหมู่ผู้คนในวันกิยามะฮ์คือเรื่องที่เกี่ยวกับการนองเลือด” ผู้ที่ต่อสู้เพื่อให้พระวจนะของอัลลอฮ์เป็นที่สูงส่ง เขาคือผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ “พวกเจ้าอย่าสวมผ้าไหมและผ้ายก (เสื้อผ้าที่มาจากผ้าไหมที่ดีที่สุด) อย่าดื่มจากภาชนะที่เป็นทองและเงิน อย่ากินอาหารจากภาชนะที่เป็นทองและเงิน แท้จริงสิ่งเหล่านี้มีไว้สำหรับพวกเขา(ผู้ปฏิเสธศรัทธา)ในโลกนี้และสำหรับพวกเราในโลกหน้า” ผู้ใดใส่ผ้าไหมในโลกนี้ เขาจะไม่ได้ใส่มันอีกในโลกหน้า” แท้จริงฉันไม่ต้องการขอคำสาบานจากพวกท่าน เพราะคิดไม่ดีต่อพวกท่านหรอก แต่มลาอิกะฮ์ญิบรออีลได้มาหาฉันและบอกฉันว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงอวดพวกท่านต่อหน้าเหล่าบรรดามลาอิกะฮ์ แท้จริง ทั้งสองคนที่อยู่ในหลุมสองหลุมนี้กำลังถูกทรมาน และทั้งสองคนไม่ได้ถูกทรมานเพราะสิ่งใหญ่โตอะไร" หนึ่งในสองคนนี้มักจะไม่ระวังตัวเองจากการปัสสาวะ ส่วนอีกคนมักเดินใส่ร้ายผู้อื่น “เมื่อพวกเจ้าได้ยินเสียงประกาศ(เรียกสู่การละหมาด) ก็จงกล่าวตามที่ผู้ประกาศได้กล่าวไว้” ปล่อยมันไว้(ไม่ต้องถอด) เพราะฉันได้ใส่มันทั้งสองในสภาพที่ทั้งสองนั้นสะอาด ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ชื่นชอบการเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยด้านขวา ไม่ว่าจะเป็นการสวมรองเท้า การหวีผม การชำระล้าง และในการกระทำทุกอย่างของท่าน